วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกดี:-

ยิ้มไว้โลกสดใสได้อีก

ครั้งหนึ่ง ที่บ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆ คนหนึ่ง

อาม่าแก่มากและไม่แข็งแรง มีอาการมือสั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของลำบาก

โดยเฉพาะเวลาทานข้าวร่วมกับครอบครัว 


อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบนโต๊ะตลอดเวลา

ลูกสะใภ้อาม่าก็รู้สึกหงุดหงิดและรำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษาสามีว่า นางทนไม่ได้ที่เห็นอาม่าทานข้าวหกเลอะเทอะเกลื่อนโต๊ะ มันทำให้นาง กินข้าวไม่ลง

สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถ หาวิธีทำให้มืออาม่าหายสั่นได้

จากนั้น ไม่กี่วัน ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ว่า จะไม่แก้ไขอะไรเลยหรือ นางทนไม่ได้แล้ว

หลังจากโต้เถียงกันไปสักพัก สามีก็ยอมแก้ไขตามคำแนะนำของภรรยา นั่นคือ

เมื่อถึงเวลาทานข้าว เขาก็จัดโต๊ะให้แม่นั่งแยกต่างหาก ตามลำพังคนเดียว

โดยใช้ถ้วยข้าวราคาถูก ๆ บิ่น ๆ เพราะอาม่าชอบทำถ้วยแตกบ่อย ๆ

เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไขอะไรได้

นางนึกถึงอดีตที่นางเคยเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา

นางไม่เคยปริปากบ่น หรือย่อท้อต่อความเหนื่อยยาก

สภาพร่างกายของนางที่ทรุดโทรมเป็นที่รำคาญของลูกสะใภ้ในวันนี้

ก็คือผลจากการอดทน ตรากตรำทำงานหนักมาเป็นเวลายาวนานในวันก่อน ๆ

เพื่อให้ลูกชาย..ได้เล่าเรียน.. มีความรู้..มีอาชีพการงานที่ทำให้ลูกเมียอยู่สุขสบาย

แต่ตอนนี้อาม่าเสียใจมาก..รู้สึกว่า..ตัวเองไร้ค่า..ถูกทอดทิ้ง

หลายวันผ่านไป..

อาม่ายังคงเศร้าสร้อย รอยยิ้มเริ่มจางหายจากใบหน้า

หลานชายตัวน้อยของอาม่าซึ่งเฝ้าจับตาทุกอย่างมาโดยตลอด

ก็เข้าไปปลอบใจและบอกคุณย่าว่า เขารู้ว่า..

คุณย่าเสียใจมากแค่ไหน ที่ถูกพ่อแม่ของเขาปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้

และเขาก็บอกท่านว่า เขามีวิธีที่จะให้อาม่าได้กลับ

ไปทานข้าวร่วมกับทุกคนได้เหมือนเดิม

ความหวังเริ่มเบ่งบานขึ้นในหัวใจของหญิงชรา

นางถามหลานชายว่าจะทำอย่างไร

เด็กน้อยได้แต่ตอบเพียงว่า " เย็นนี้ขอให้คุณย่าแกล้งทำชามข้าว

ของคุณย่าตกให้มันแตก..เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจนะครับ"

อาม่าได้ฟังก็แสนจะแปลกใจ

แต่หลานชายตัวน้อยก็คงยืนกรานให้คุณย่าทำตามที่เขาบอก

และบอกว่าที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าทีของเขาเอง

และแล้ว..เมื่อได้เวลาอาหารเย็น

หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด เพื่อจะดูว่า

หลานชายมีแผนการอะไร นางจึงยกถ้วยข้าวใบเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้น

แล้วแกล้งปล่อยลงบนพื้น เหมือนกับทำหลุดมือ

ถ้วยข้าวเก่าใบนั้นหล่นแตกกระจายไม่มีชิ้นดี!!!!!

ลูกสะใภ้เห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้น เตรียมจะด่าว่าอาม่าทันที

แต่แล้ว..ลูกชายตัวน้อยของเธอ กลับรีบชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า

" ว้า..คุณย่าทำไมทำชามแตกซะเละหมดล่ะครับ

นี่ผมอุตส่าห์ตั้งใจไว้ว่า..จะเก็บชามใบนี้ไว้ให้คุณแม่ผมใช้ต่อ

แล้วเนี่ยผมจะเอาชามเก่าที่ไหนมาให้คุณแม่ผมใช้

ตอนแกแก่เท่าคุณย่าล่ะครับ ??"

ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็ถึงกับอึ้งงงงง....หน้าซีด ด่าไม่ออกอีกต่อไป

นางรู้สึกได้ทันทีว่า...ทุกสิ่งที่นางทำลงไปในวันนี้ย่อมจะเป็นตัวอย่าง

ให้ลูกชายของนางปฏิบัติต่อนางในวันหน้าเมื่อนางแก่ตัวลงเช่นกัน

นางรู้สึกอับอายและสำนึกผิดต่อการกระทำของตัวเอง

ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนในบ้านก็นั่งทานข้าวร่วมกันตลอดมา.

ความดีก็เหมือนกางเกงใน ต้องมีติดตัวไว้แต่ไม่ต้องเอามาโชว์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น